ที่ประชุมสภาฯ 5 ก.ย. มีมติเห็นชอบให้ “อนุทิน ชาญวีรกูล” แคนดิเดตหนึ่งเดียวจากพรรคภูมิใจไทย เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 ของไทย
วันที่ 5 กันยายน 2568 ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีวาระสำคัญคือการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 ของประเทศไทย ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยด้วยเสียงข้างมาก 6:3 ให้พ้นจากความเป็นรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2568 โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ 1 กรกฎาคม 2568 จึงทำให้คณะรัฐมนตรีต้องพ้นไปทั้งคณะ และต้องมีการเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่
เมื่อเวลา 11.33 น. นายไชยา พรหมา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม ชี้แจงขั้นตอนการลงคะแนนเลือกนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 โดยขานชื่อสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ตามลำดับอักษร และให้ออกเสียงลงมติว่าจะ เห็นชอบ, ไม่เห็นชอบ, งดออกเสียง โดยจำนวน สส.ในปัจจุบันของสภาฯ ชุดนี้มีอยู่ 493 คน การจะได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีต้องได้เสียงจากสภาฯ เกินกึ่งหนึ่งคือ 247 เสียงขึ้นไป โดยเข้าสู่วาระนี้ เกิดขึ้นภายหลังมีการถกเถียงและลงมติว่าจะเลื่อนญัตติเรื่องการโหวตนายกรัฐมนตรีที่เป็นเรื่องด่วนวาระ 8 ขึ้นมาพิจารณาก่อน ด้วยคะแนน 313 ต่อ 142 เสียง
จากนั้นเวลา 12.04 น. ประธานให้ทั้ง 2 ฝ่ายเสนอชื่อผู้ชิงนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 โดยนายไชยชนก ชิดชอบ สส.บุรีรัมย์ ในฐานะเลขาธิการพรรคภูมิใจไทย เสนอชื่อ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย บัญชีรายชื่อนายกรัฐมนตรีคนเดียวของพรรคภูมิใจไทย ทางด้าน นายสรวงศ์ เทียนทอง สส.สระแก้ว และเลขาธิการพรรคเพื่อไทย เสนอชื่อ นายชัยเกษม นิติสิริ บัญชีรายชื่อนายกรัฐมนตรีคนสุดท้ายของพรรคเพื่อไทย จากนั้นเปิดโอกาสให้สมาชิกอภิปรายก่อนลงมติผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี
หลังปิดการอภิปรายสนับสนุนนายชัยเกษม และนายอนุทิน เสร็จสิ้น ประธานในที่ประชุมนำเข้าสู่การลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี โดยเริ่มลงมติคนแรกในเวลา 15.01 น. โดยการขานรายชื่อลงคะแนนแบบเปิดเผยจนครบ 493 คน และผู้ได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีจะต้องมีคะแนนเกิน 247 เสียงขึ้นไป
ล่าสุดเมื่อเวลา 15.51 น. ที่ประชุมสภาฯ มีการเห็นชอบ นายอนุทิน ชาญวีรกูล เกิน 247 เสียงแล้ว จึงถือว่า นายอนุทิน ได้รับเลือกเป็นว่าที่นายกรัฐมนตรีคนที่ 32 ขณะที่ขั้นตอนหลังจากนี้จะต้องรอการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป
